1 Views
Love or Money (2021)
6.2 IMDB Rating

Love or Money (2021)

(Love or Money)
หมวดหมู่
ผู้กำกับ
นักเขียน Crystal S. San Miguel
รางวัล 4 nominations
หนังโรแมนติก-คอมเมดี้ จากเกาะอังกฤษที่มีพลอตน่าสนใจแล้วน่าจะเอามาขยายเป็นมุกฮาได้มากมาย เมื่อ “มาร์ค” หนุ่มเฉิ่มเชยจีบสาวไม่เป็น แต่ยังฝังใจรักกับ “คอนนี่” เพื่อนร่วมชั้นสมัยเด็กวัยมัธยมต้น มาร์คในวัย 30 ต้น เดินทางกลับมาเมืองบ้านเกิดเพื่อร่วมงานศพของเพื่อนชายร่วมห้องที่ได้แต่งงานกับคอนนี่ มาร์คมางานนี้เพื่อหวังจะได้เจอคอนนี่อีกครั้ง แล้วในงานนี้มาร์คก็ไม่ปล่อยให้โอกาสสูญหาย เขาก็ยังเข้าไปหยอดคำหวานกับคอนนี่แม้กระทั่งในงานศพสามีของเธอ กลายเป็นสถานการณ์แย่ลงไปเพราะมาร์คยิ่งสร้างความขุ่นเคืองให้กับคอนนี่มากขึ้น แต่สถานการณ์ก็กลับตาลปัตรทันทีเมื่อ “จอห์นนี่” ชู้รักของคอนนี่รู้ความลับว่า มาร์คกำลังจะกลายเป็นเศรษฐีรายใหม่ เพราะบริษัที่จอห์นี่กำลังทำงานอยู่กำลังจะซื้อบริษัทของมาร์คเป็นมูลค่าสูงถึง 20 ล้านปอนด์ ทั้ง 2 จึงร่วมกันคิดแผนการร้าย ให้คอนนี่หว่านเสน่ห์มาร์คต่อไป จนมาร์คยอมแต่งงานด้วยแล้วก็หย่าเพื่อขอแบ่งสินสมรสมูลค่า 10 ล้านมาเสวยสุข



ด้วยพลอตแบบนี้ ก็นับว่าเป็นการฉีกแนว โรแมนติก-คอมเมดี้ ที่คุ้นเคยกัน เพราะหนังเดินหน้าด้วยเกมฉ้อฉลไม่ใช่รักจริง แต่ก็ยอมรับเมื่อเห็นพลอตของหนังก็รู้สึกว่าน่าสนใจ เพราะไอเดียหนังแบบนี้สามารถเปิดทางให้เล่นมุกแก้เกมแกล้งกันได้อีกมาก ซึ่งหนังก็มุ่งดิ่งเข้าหาหัวใจหลักของเรื่องอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาปูความไม่นาน คอนนี่ก็ได้ย้ายเข้าบ้านมาร์คในฐานะคนรักและวางแผนแต่งงานกันในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งจุดนี้ก็ไม่ทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจ เพราะบทหนังพยายามเน้นหนักว่ามาร์คมีความหลงใหลในตัวคอนนี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็มีขัดหูขัดตาอยู่บ้าง กับการยัดเยียดบุคลิกเซ่อซุ่มซ่ามให้มาร์คจนเกินไป ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้เป็นมุกขำ แต่การเอาความซุ่มซ่ามมาเล่นเป็นมุกในวันนี้ มันทั้งเชยและแป้กสิ้นดี ซ้ำยังทำให้ตัวละครดูปัญญาอ่อนเกินไปด้วยซ้ำ



หนังใช้เวลาอีกไม่นานเช่นกันเพื่อเข้าถึงหัวใจของหนัง เมื่อมาร์คล่วงรู้ถึงแผนการร้ายของคอนนี่ ที่ไม่ได้รักเขาจริงแต่หวังจะหลอกให้มาร์คแต่งงานเพื่อขอแบ่งสินสมรส มาร์ครีบสลัดความเสียใจ แล้วเล่นแผนเอาคืนอย่างหนักหน่วง ตรงนี้แหละครับที่น่าจะเป็นทีเด็ดของหนัง กับสารพัดวิธีการที่มาร์คแกล้งคอนนี่ หวังว่าคอนนี่จะทนไม่ไหวแล้วขอเลิกจากเขาไป ซึ่งก็สวนกับความรู้สึกอีกเช่นกัน เพราะบอกว่ารู้ความจริงแล้วขอเลิกก็ได้นะ แต่ก็ลืม ๆ ตรรกะความเป็นจริงทิ้งไปซะ เพราะเราดูหนังคอมเมดี้อยู่นะ แล้วเกมกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานาก็พอเรียกเสียงหัวเราะได้ในระดับหึ ๆ ทั้งที่เป็นช่องทางทีเด็ดของหนังที่ขยี้มุกได้แรง ๆ กันแบบงอหายไปเลย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าพลอตแนวนี้ไปอยู่ในมือกลุ่มแก๊ง Saturday Night Live หรือพี่น้อง ฟาเรลลี หนังจะฮาแตกสักเพียงไหน หนังมีความยาวในระดับมาตรฐานที่ 90 นาทีพอดีเป๊ะ พอพ้นชั่วโมงแรกหนังก็ต้องวกเข้าหาโหมดโรแมนติกตามสูตรสำเร็จ ซึ่งคนดูก็เดาทางได้ตั้งแต่ก่อนดูแล้วล่ะ แต่สุดท้ายก็เป็นความพยายามที่ล้มเหลว สถานการณ์ที่จะให้มาร์คและคอนนี่ พลิกผันมาเห็นใจซึ่งกันและกันก็ดูเบาบางเหลือกิน เป็นการดูบทลงเอยแบบดูไปให้จบ ๆ ไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมที่อยากจะเอาใจช่วยให้มาร์คและคอนนี่ได้พบกับบทสรุปที่หวานแหวว



เป็นหนังที่มองเห็นแต่ข้อผิดพลาดเต็มไปหมด ในด้านคอมเมดี้ก็ไม่มีมุกที่หัวเราะได้ดัง ๆ หรือน่าจดจำเลยสักฉากเดียว ในด้านโรแมนติกก็ไม่ทำให้คนดูอินไปกับความรักของมาร์คที่มีต่อคอนนี่ ไม่สามารถอธิบายเหตุผลจูงใจได้ว่าทำไมมาร์คถึงรักและผูกพันกับคอนนี่เพียงนี้ แม้กระทั่งในจุดสำคัญของหนังที่ทำให้คอนนี่เริ่มหันมาพิจารณามาร์คก็เบาบางอีกเช่นกัน ถ้าเปรียบเทียบกับความรุนแรงที่มาร์คแกล้งเธอมาอย่างยาวนาน จุดผิดพลาดใหญ่สุดก็คือการพยายามเดินตามสูตรสำเร็จของเจ้าพ่อหนังโรแมนติก ไซมอน เคอร์ติส ที่มักจะมีเพื่อนพระเอกที่เป็นตัวชงมุกได้อย่างน่ารักและมีสีสัน ซึ่งหนังก็ใส่ “ทิม” เพื่อนจอมซกมกที่มุ่งหวังจะให้เป็นสีสัน แต่สิ่งที่รู้สึกคือเลอะเทอะเสียมากกว่า ทิมไม่สามารถเรียกเสียงหัวเราะได้เท่าที่หน้าที่ของเขาสมควรทำได้ ดูเหมือนทิมคนเดียวยังไม่สาแก่ใจ บทหนังเลยสร้างสรรค์บทพ่อและแม่ของคอนนี่ให้กลายเป็นตัวประหลาดผิดมนุษย์มนาเข้าไปอีก รวมไปถึงบาทหลวงที่มักจะเป็นตัวเรียกเสียงหัวเราะได้เสมอในหนังโรแมนติกคอมเมดี้ฝั่งอังกฤษ ซึ่งหนังก็ไม่ลืมที่จะยัดเยียดมุกตลกใส่บาทหลวงอีกเช่นกัน ลองจินตนาการตามที่เล่ามาแล้วกันนะครับ ว่าหนังเรื่องเดียวแต่เต็มไปด้วยตัวละครที่ถูกยัดเยียดให้เป็นตัวตลก ไม่ใช่ตลกด้วยมุกนะแต่ตลกด้วยบุคลิกท่าทางที่ประหลาดล้นเกินอย่างที่มนุษย์ปกติไม่ทำกัน แล้วจะให้หนังมันเลี้ยวไปโรแมนติกได้อย่างไร