4 Views
Mysterious Object at Noon  (2000) ดอกฟ้าในมือมาร
6.7 IMDB Rating

Mysterious Object at Noon (2000) ดอกฟ้าในมือมาร

(Mysterious Object at Noon)
  • ฉายปี
  • ประเทศ
  • Film Süresi 89 min
หมวดหมู่
ผู้กำกับ
รางวัล 4 wins & 4 nominations
"วัฒนธรรมต่อยอดเรื่องเล่าไม่รู้จบ" ภาพยนตร์ลำดับแรกของ 'พี่เจ้ย-อภิชาติพงศ์' ที่ถ่ายทอดเรื่องราวในรูปแบบสารคดีเชิงทดลอง อาศัยการเล่าเรื่องต่อกันไปโดยมี 'ครูดอกฟ้า' เป็นตัวละครหลัก หนังพาเราไปซึมซับวัฒนธรรมต่างๆตั้งแต่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ เรื่องราวของ ครูดอกฟ้า จึงถูกบอกเล่ากันผ่านวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ ความน่าแปลกและน่าค้นหาคือเรื่องราวของแต่ละพื้นที่นั้นต่อกันจนเป็นเรื่องเล่าขนาดยาว แต่ลักษณะภายในเรื่องกลับแตกต่างกันในความคิดหรือแนวคิดต่อตัวละคร ครูดอกฟ้า แน่นอนว่า เมื่อหนังใช้การเล่าเรื่องของผู้คนทั่วๆไป ตัดสลับเป็นภาพเหตุการณ์จากสิ่งที่ชาวบ้านเล่า คนขายของเล่า เด็กน้อยเล่า หรือกระทั่ง คนใบ้อาศัยภาษามือเล่าเรื่อง ตัวหนังจึงไม่มีบทภาพยนตร์ตายตัวและดำเนินเรื่องไปเรื่อยๆแบบไม่จบสิ้น พร้อมทิ้งเรื่องราวปลายเปิดไว้ให้คนดูต่อเติมเสริมเรื่องราวของ 'ครูดอกฟ้า' กันเองต่อไป วิธีเล่าเรื่องของ 'ดอกฟ้าในมือมาร' จึงน่าสนใจในการทดลองสร้างเรื่องราวในรูปแบบปลายเปิด+ต่อยอด โดยไม่รู้ว่าจะพบเจอกับเรื่องราวอะไรได้บ้าง เราจึงไม่สามารถคาดเดาซับพล็อตเรื่องได้เลยว่าจะเป็นอะไรต่อไป นอกจากนี้ ภาพยนตร์ยังถ่ายทำด้วยฟิล์มขาวดำตลอดทั้งเรื่อง พร้อมทั้งเก็บภาพเคลื่อนไหววัฒนธรรมต่างๆไว้ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
ภาพยนตร์ของ 'พี่เจ้ย' สำหรับเราคือภาพยนตร์ที่บันทึกความเป็นตัวตนของคนทำงานภาพยนตร์อย่างแท้จริง การที่เราได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราสามารถดูภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของ 'พี่เจ้ย' ได้เข้าใจมากขึ้น เข้าใจถึงวิธีการทำงานและแนวคิดต่อผลงานนั้นๆ และถึงแม้ว่า 'ดอกฟ้าในมือมาร' จะไม่มีบทภาพยนตร์หรือเค้าโครงเรื่องที่ตายตัว แต่ความเป็นระเบียบของเส้นเรื่องที่มาร้อยเรียงกัน เราคิดว่างานนี้มีแบบแผนและวิธีจัดวางที่ค่อนข้างลงตัว และสามารถรับชมได้แบบไม่ต้องพยายามตามหาความหมายหรือนัยยะที่หนังต้องการจะสื่อสารมากมายนัก เราจึงรู้สึกเพลินๆไปกับเรื่องราว เสมือนมีคนมาเล่านิทานให้ฟังเพียงแต่นิทานเหล่านั้นมีภาพเคลื่อนไหวและมีคนพูดมีคำบรรยาย ท้ายสุด Mysterious Object at Noon, ดอกฟ้าในมือมาร ให้อารมณ์ของการส่งต่อเรื่องราว เสมือนการวาดภาพแล้วส่งต่อให้คนอื่นมาวาดภาพต่อ เรื่องเล่าจึงถูกส่งผ่านจากทุกภาคในประเทศไทย เราจึงได้รับอะไรที่คาดไม่ถึงจากเรื่องเล่าเหล่านั้น สำหรับเราภาพยนตร์เรื่องนี้ถือเป็นบันทึกอย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์ประเทศไทย...ในช่วงเวลาหนึ่ง...ส่วนใครจะเป็นมารเราคงต้องตัดสินกันเอง...