Naked Weapon (2002) ผู้หญิงกล้าแกร่งเกินพิกัด

เด็กผู้หญิงที่มีความโดดเด่นด้านกีฬากับศิลปะป้องกันตัวต่างหายสาบสูญไปทีละคนจากทั่วโลก เป็นสถานการณ์สร้างความขายหน้าแก่ตำรวจในพื้นที่ในการจัดการที่ไม่สามารถปิดหาผลสรุปได้ โดยผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้คือมาดามเอ็ม (Almen Wong Pui-Ha) ผู้นำกลุ่มองค์กรนักฆ่าอย่างลับๆ ที่หาสมาชิกนักฆ่าจากการล่าเด็กทั่วโลกที่มีแววสามารถมารวมตัว เพื่อนำเด็กมาฝึกเหล่านี้ให้เติบโตขึ้นเป็นนักฆ่ามืออาชีพ โดยใช้ประโยชน์ความสาววัยอันเป็นอาวุธชิ้นเยี่ยมในการจัดการเหยื่ออย่างง่ายดาย เหตุการณ์ตามเก็บเป้าหมายของนักฆ่าได้เกิดขึ้นมาหลายครั้งจนเป็นที่น่าสนใจจากเจ้าหน้าที่ CIA แจ็ค (Daniel Wu) ผู้ซึ่งจะตามล่าสาวนักฆ่ามืออาชีพเหล่านี้ แต่แล้วต้องล้มเหลวในครั้งแรกที่พยายามติดตามจนเป็นเหตุให้เหลือเขาเพียงคนเดียวที่ตามสืบ ระหว่างที่ไร้วี่แววเขายังคงตามสืบต่อไปจนกระทั่งมีนักฆ่าปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเขายังไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าจะจัดการจับพวกเธอได้หรือไม่ หลังจากมาดามเอ็มได้เด็กผู้หญิงที่ต้องการมาแล้วทั่วโลก เธอได้วางแผนฝึกอย่างเข้มงวดไม่ต่างอะไรกับการอบรมทหารที่ดุดันยิ่งกว่า ทรหดมากกว่า และอันตรายที่เกิดขึ้นได้เวลาที่มีบททดสอบใหม่ๆขึ้นมา ซึ่งหนึ่งในนั้นภายหลังจากที่โตกันเป็นสาวพวกเธอทั้งหมดที่ได้เข้าการฝึกจำต้องต่อสู้ให้รู้ผลเป็นผู้สุดยอดที่สุดในกลุ่มเพื่อเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งในองค์กร
ทว่าการชนะไม่ใช่การล้มค่อต่อสู้แต่เป็นการกำจัดหมายถึงการฆ่า สุดท้ายการนองเลือดที่ต่อเพื่อเอาชีวิตรอดก็ได้นักฆ่าสาว 3 คนได้แก่ ชาร์ลี (Maggie Q),แคทเธอรีน (Anya) และเจ๋ง (Jewel Lee) เมื่อได้ตำแหน่งนักฆ่าสิ่งเดียวที่ต้องทำคือการกำจัดเป้าหมายตามคำสั่งที่ได้รับ ทว่าแจ็คเองยังคงตามสืบเรื่องนี้ต่อไปจนพบว่าหนุ่งในนั้นคือใคร และเขาต้องจับเธอมาให้ได้ แต่เรื่องของเรื่องเริ่มจะมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อชาร์ลีได้พบแม่ของเธอ (Pei-pei Cheng) อันเป็นเรื่องที่ผิดกฎ แม่ของเธอจึงตกอันตรายซะเอง ขณะเดียวกันงานนักฆ่าที่ต้องฆ่ากลับไปฆ่าคนที่ไม่ธรรมดาเข้าจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมากับการไล่ล่าที่ผู้ล่าถูกล่าซะเอง แจ็คเองหลังรู้ความจริงบางส่วนจึงต้องเลือกระหว่างช่วยเหล่านักฆ่าสาวหรือจะจับพวกเธอเข้าคุกกันแน่

Naked Weapon แสดงถึงศักยภาพของผู้หญิงที่เปรียบเสมือนคมในฝัก ความสวยวัยเป็นจุดเริ่มต้นของเสน่ห์ที่น่าติดตา ความเซ็กซี่เป็นดังจุดเข้าใกล้ ถ้าให้สิ่งเหล่านี้คืออาวุธคงไม่ต่างอะไรกับการเข้าใกล้นักฆ่าที่หลงเข้าไปเองมากกว่าจะถูกติดตามเข้าใกล้ ซึ่งตัวหนังได้เอาทักษะความสาวมาใช้ประโยชน์ในการฆ่าที่ไม่ลำบากอย่างการซุ่มหรือลอบทำร้าย เพราะเสนอแนวคิดง่ายๆเกี่ยวกับเหยื่อที่เป็นเพศตรงข้ามคือเป็นพวกอ่อนไหวได้ง่ายต่อสิ่งสวยงามเช่นผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สามารถเติมแต่งลวดลายตัวเองที่เห็นได้ว่าก่อนจะจัดการเป้าหมายนั้นเข้าหาอย่างง่ายดาย
ก่อนจะมีความสวยเซ็กซี่เข้ามาจำต้องมีความสามารถในการเอาตัวรอดให้ดีเสียก่อน ผู้หญิงที่ถูกจับล้วนเป็นเด็ก การเลือกเด็กเป็นการบอกถึงพัฒนาการที่เริ่มจากจุดนี้ให้เป็นความชำนาญในท้ายที่สุด ซึ่งทั้งนี้เพื่อความง่ายต่อการบังคับฝึกอีกด้วย เพราะทักษะจะเป็นกันเร็วกับเด็กถ้าฝึกกันยังอายุน้อยๆจึงเป็นเหตุผลที่จับเด็กมาโดยอิงทักษะส่วนตัวที่ติดอย่างด้านกีฬาให้พัฒนาได้มากกว่าคนปกติ ด้วยการฝึกที่เข้มงวดตลอดเวลาเมื่อระยะเวลาผ่านพ้นไปหลายปีความคิดที่อยากจะหนีในช่วงแรกได้หายไปเป็นเสมือนหน้าที่ที่ตัวเองต้องทำ ที่มีความคิดเกี่ยวกับงานที่ทำนั้นคือการเป็นนักฆ่า แต่ทั้งนี้พวกเธอได้หวังผลตอบแทนของงานนี้กับเหตุผลที่ว่าจะมีเงินใช้มากมาย และถ้าทำจนครบสัญญาจะมีชีวิตอิสระ ในวงการนักฆ่าการเป็นอิสระหมายถึงการอยู่อย่างไร้ข้อกังวล ปัญหาคือการไขว่ขว้าอิสระภาพนั้นจะมาถึงได้นานแค่ไหนกัน

ถ้าอาวุธของผู้ชายคือความแข็งแรงแล้วอาวุธของผู้หญิงคงไม่พ้นเรื่องเสน่ห์จากความสาวที่กัดกินใจของผู้ชายจากภายในให้กลายเป็นทาสไปในที่สุด สังเกตได้ว่าผู้ชายที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามหากยังตัดใจจากตัณหาเสน่ห์ไม่ได้ก็ยังพ่ายแพ้แม้กรระทั่งผู้หญิงต่อไป สำหรับหนังเรื่องนี้มีการใช้องค์ประกอบของผู้หญิงได้เต็มครบถ้วนในการเย้ายวนจากลีลาอันส่อสายตา ทว่าสิ่งที่ดูจะขาดไปซะสนิทเลยคือมายาของผู้หญิงที่ต้องร้ายกาจ ทว่าเสนอแบบตรงๆในเรื่องของทักษะที่ต้องรู้จักเอาตัวรอดผ่านความรุนแรงที่ต้องฆ่าอย่างไม่เกงใจ ต้องมีหัวคิดที่เร็ว และการหลบหนี ซึ่งจากที่ดูๆมานักฆ่าสาวกลุ่มนี้ยังมีความลังเลในใจอยู่ไม่น้อย ในการกำจัดเป้าหมายสามารถทำได้อย่างไม่มีข้อกังขาก็จริง แต่เมื่อมีอะไรที่นอกเหนือจากเป้าหมายกลับตัดสินแทบไม่ถูกในบางจังหวะ หรือบางทีตัดสิยเด็ดขาดไปเลย ดูไม่สมเป็นนักฆ่ามืออาชีพอย่างที่เป็นนัก แต่อะไรคงไม่เท่ากับการเติมความสัมพันธ์แม่ลูกเข้ามาเป็นจุดเชื่อมเนื้อเรื่องเล็กๆที่ทะยานความผูกพันของแจ็คกับชาร์ลีที่กลายเป็นหนังรักไปแล้วส่วนหนึ่ง การเติมความรักเข้ามาในเนื้อเรื่องทำให้ตัวละครดูมีชีวิตขึ้นมาจากความเลือดเย็น ก็แปลกไม่น้อยที่หนังเปิดเรื่องให้เข้าใจถึงชีวิตของแคทเธอรีนที่ต่อสู้ด้วยการพนันมวยที่รายล้อมไปด้วยฝูงชนที่จบลงด้วยการชนะ การชนะไม่ได้กระทำความสนุกสะใจ เพียงเป็นการเอาชีวิตรอดจากการเสี่ยง แคทเธอรีนชนะได้อาหารประทังชีวิต ระหว่างที่ต่อสู้เป็นที่หมายตาของมาดามเอ็ม และสุดท้ายได้เข้าองค์กรเพราะหลงเชื่อคำพูด ทีแรกหนังมีแววเสนอแคทเธอรีนเป็นตัวเอกของเรื่องที่เสนอตัวเองได้โดดเด่นก่อนจะเปลี่ยนมุมมองในตอนโตกลายเป็นชาร์ลีแทน ส่วนทั้งสองคนนี้มีความสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดในกลุ่ม

อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาให้คือมนุษย์ยังมีจิตใจกันอยู่บ้าง ตอนที่ฝึกการกระทำนั้นสุดแสนจะโหดร้าย และบางทีการฝึกเข้าขั้นตัดความสัมพันธ์ความเป็นเพื่อนไปซะสนิท อย่างการต้องฆ่าเพื่อนในห้องมาคนละศพ หรือจะบททดสอยสุดท้ายที่ต้องห่ำหั่นสู้กันเองเพื่อคัดยอดฝีมือออกมาเพียงหนึ่งเดียว ทว่าการที่สู้กันมาเรื่อยๆหนังได้แสดงออกชัดเจนอยู่แล้วถึงกฎที่ต้องปฏิบัติ และต้องสำเร็จไม่งั้นไม่รอด ดั้งเดิมความสัมพันธ์ของเพื่อนได้เกิดขึ้นกับแคทเธอรีนกับชาร์ลีอยู่ก่อน เมื่อมาเจอสถานการณ์เช่นนี้การตัดสินของทั้งสองยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม ผิดกับบางคนที่ไม่ลังเลที่จะตัดสินลงมือฆ่าด้วยซ้ำ และด้วยการต่อสู้ที่กินเวลาอยู่พักใหญ่จึงเป็นเรื่องที่แหกกฎที่ได้นักฆ่า 3 คนจากที่เอาคนเดียว แต่สิ่งที่บอกเป็นนัยๆระหว่างก่อนจะสู้กันคือการบอกถึงโลกที่ภายนอกไม่ได้ยุติธรรมหรือง่ายดาย บางทีการแหกกฎเอาคนเพิ่มก็คงเป็นแบบนั้นด้วยรวมถึงความสัมพันธ์ที่ไม่แน่ว่าจากเพื่อนเป็นศัตรูก็ยังได้
ที่โดดเด่นคือแอ็คชั่นกำลังภายในที่ใช้คิวบู๊ผสมเอฟเฟคให้ออกมาเกินจริงได้เว่อร์จริงๆ ที่ว่าใช้เอฟเฟคนั้นมีอยู่ไม่กี่ฉาก แต่ว่าในแต่ละฉากดูจะไม่เนียนอย่างที่คิดโดยเฉพาะฉากขว้างรูปที่นางเอกปัดแตกกระจุยกลายเป็นเศษกระจกอากาศก่อนจะปัดมืดให้เศษกระจกพุ่งไปหาอีกฝ่าย ไอ้ตรงฉากนี่แหละที่แปลกใจกับการถ่ายทอดอารมณ์ที่สะดุดอย่างหนัก เพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะหลบเศษกระจกเหล่านั้นแต่กลับเปล่าทำ ซ้ำปล่อยให้เข้ามาซะเฉยๆ ที่น่ายอมรับคือการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่ยอมรับว่าอันนี้สนุกจริง ไม่ว่าจะตัวโกงหรือพระเอกต่างใช้ฝีมือกังฟูได้อย่างเต็มเปี่ยม ทำให้ภาพลักษณ์ของตัวละครไม่ได้ด้อยไปซะทีเดียวเพียงเหมือนกับเก็บไว้ใช้ในบางโอกาส ทีน่าเป็นห่วงคือการใช้ความเป็นธรรมชาติได้เบาบางกับการต่อสู้ที่เพิ่มท่าและลีลาเข้ามาจนกลายเป็นความตั้งใจของการโพสท่ามากกว่าจะเป็นการตั้งท่า แม้จะช่วยกระตุ้นอารมณ์ความสนุกเข้ามาอย่างดีแต่เกิดคิดในในทันทีว่าเป็นเพราะเอาแต่ลีลาหรือเปล่า รวมถึงเทคนิคเก่าๆอย่างเช่นลมที่พัดสะไหวให้ผมปลิ้ว ก็ถือว่าเข้าข่ายว่าดูสนุกดีกับหนังแอ็คชั่นเรื่องนี้ที่อาจมองว่าลีลาไปหน่อย แต่ก็ได้มุมมองดีๆกลับมาเช่นกัน แล้วนักแสดง Maggie Q ได้ใช้ลีลาของเธอจนผู้ชายอาจน้ำลายหกบางก็ได้
ที่ดูจะป่วยคือพล็อตเรื่องที่หาทางจบของหนังได้เร็วจนตามไม่ทัน หรืออาจจะไม่ละเอียดพอจะเข้าใจได้ว่าแล้วไง ถึงแม้จะมีการพูดถึงเหตุผลไปกับสนทนาที่พอจะรู้เหตุผล แต่ถามหน่อยถ้าดูแบบไม่มีบทสนทนาหรือจู่ๆพลาดฉากนั้นไปจะเข้าใจในตอนท้ายเรื่องไหมว่าพวกเขาต่อสู้กันทำไม และตัวละครนั้นมีเหตุผลอะไรต้องมาสู้ด้วย อันที่จริงการใส่เนื้อเรื่องในส่วนท้ายเป็นการการันตีความแอ็คชั่นมากกว่า เพราะตัวหนังถ้ามองมุมกลับให้ตอนท้ายของเรื่องหายไปจะกลายเป็นการเล่าเรื่องของสาวนักฆ่าที่เจอแม่ จนแม่ต้องตกในอันตาย สุดท้ายก็กลายเป็นหนังดราม่าแอ็คชั่นที่พยายามโยงความผูกพันระหว่างแม่ลูกไปด้วยปริยาย ทว่าในส่วนนี้ได้มีไม่หนักแน่นเท่าที่ควรจนมองได้ว่าเหตุการณ์เจอแม่เป็นความบังเอิญที่ตัวลูกเองไปเจอเพราะมาจัดการเป้าหมาย และดันทุรังเพิ่มความรักต้องห้ามระหว่างแจ็คกับชาร์ลีเข้ามาที่พิจารณาคร่าวๆแล้วเป็นการกินหญ้าอ่อน คิดดูนะแจ็คทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตั้งแต่ชาร์ลียังเป็นเด็กอยู่เลย โดยส่วนตัวจึงตะหงิดในจุดนี้ขึ้นมา ก็ถือไม่ว่ากันถ้าหนังยังไปได้เรื่อยๆแบบนั้น

ในด้านของแอ็คชั่นถือเป็นจุดเด่นของเรื่องที่สร้างออกมา แต่ในทางตรงกันข้ามเนื้อเรื่องยังมีช่องโหว่ที่ละเอาไว้แล้วยัดลงไม่สนิท อันเป็นคำถามเกี่ยวกับตัวเองขึ้นมาเล็กน้อยถึงความน่าจะเป็นอันมากมายที่เกิดขึ้นในเรื่องนี้ โดยเฉพาะในตอนท้ายเรื่องที่หัวหน้าองค์กรเสียท่าได้ง่ายขนาดนั้นเชียวรึ แล้วยังความสัมพันธ์ของสามนักฆ่าที่แผ่วลงเรื่อยๆ ที่มีคือแคทเธอรีนกับชาร์ลีที่ยังคงมีมิตรภาพต่อกันไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าเป็นเรื่องของแอ็คชั่น Naked Weapon ทำไม่พลาด แต่ถ้าในเนื้อเรื่องยังพลาดอยู่นะ