5 Views
One Hour Photo (2002) โฟโต้…จิตแตก
6.8 IMDB Rating

One Hour Photo (2002) โฟโต้…จิตแตก

(One Hour Photo)
หมวดหมู่
ผู้กำกับ
นักเขียน Mark Romanek
รางวัล 6 wins & 22 nominations
นาทีแรกที่รู้ว่าพี่ Robin Wliiams จะผันตัวเองจากดาราตลกกลายเป็นดาราแนวคุณภาพที่นอกจากจะไม่ใช่พระเอกแล้วยังเป็นตัวร้ายอีกต่างหาก แว่บแรกก็ดีใจนะครับที่จะได้เห็นพี่แกในบทบาทใหม่ แต่อีกใจก็กลัวครับ กลัวแทนพี่ท่านน่ะแหละว่าจะรอดสันดอนได้หรือไม่ เพราะตลาดของหนังแนวระทึกผสมโรคจิตแบบนี้มันย่อมไม่กว้างเท่าตลาดหนังตลกที่พี่แกเคยครองอยู่ตั้งหลายสิบปี

และในที่สุด หนังอาจไม่ได้ทำเงินถล่มทลาย (แต่รายได้ก็พอคุ้มทุนอยูบ้าง) ส่วนถ้าถามในแง่คุณภาพความดีแล้ว บอกตามตรงว่าต้องยกนิ้วให้ เพราะหนังเขาดีจริงๆ ได้ Robin นี่แหละเป็นแม่เหล็กสำคัญ

พี่ Robin มาสวมบทเป็น ซีมัวร์ แพร์ริช พนักงานรับล้างอัดรูปประจำร้านรูปในซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ดีนะครับ แต่โดยนิสัยนั้นเขาเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยกล้าเข้าสังคมหรือพบปะกับใคร ความสุขเดียวที่เขามีคือการล้างรูป การได้ดูภาพชีวิตคนอื่นๆ ผ่านทางแผ่นฟิล์มครับ และมีอยู่ครอบครัวหนึ่งที่เขาชื่อชอบเป็นพิเศษ นั่นคือครอบครัวยอร์กิน ที่ประกอบด้วยสามี วิลเลี่ยม (Michael Vartan) นีน่า (Connie Nielsen) และ ลูกชายของพวกเขา ดีแลน (Dylan Smith) ซึ่งดูเป็นครอบครัวที่น่ารัก สมบูรณ์แบบ และลึกๆ แล้วซีมัวร์ก็พึงใจในตัวนีน่าอยู่ด้วย

แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ไปพบความจริงเข้าครับว่า นายวิลเลี่ยมน่ะแอบไปมีคนอื่นลับหลังนีน่า ด้วยเรื่องนี้เองครับที่ทำให้ซีมัวร์รู้สึกว่าตัวเองต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อสั่งสอนเจ้าหนุ่มที่ไม่รู้จักคุณค่าของการมีครอบครัวที่น่ารักเช่นนี้ ให้หลาบจำ… แน่นอนว่าวิธีของเขาย่อมไม่ใช่แค่ไปบอกกล่าวแล้วจบเรื่องครับ แต่เรื่องจะเดินไปอย่างไรก็ลองหาชมดูได้

ผมไม่ผิดหวังเลยครับที่ได้เห็นพี่ Robin ในบทร้ายๆ โรคจิตลึกๆ แบบไม่ต้องแสดงอาการบ้าบอให้มากก็สร้างความขนลุกให้ผู้ชมได้ แล้วคุณจะลืมภาพคนน่ารักแบบเดิมๆ ของเขาไปเลยครับ จริงๆ ตอนแรกน่ะท่าทางเขาก็ยังดูน่ารักนิดๆ เพียงแต่เก็บกดมากกว่าบทอื่นๆ หน่อยเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ดีกรีความน่ากลัวของเขาก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ จนบอกได้เลยครับว่าดูแกเล่นคนเดียวก็คุ้มแล้วล่ะ

ส่วนดาราสมทบทั้งหมดก็แสดงได้น่าพอใจ แต่ที่ไม่ชมไม่ได้คือผู้กำกับ Mark Romanek ที่เขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วย เขาสามารถผูกเรื่องง่ายๆ ขึ้นมาได้อย่างน่ากลัวครับ เพราะโครงมันเป็นไปได้นะ เหตุการณ์มันใกล้ตัวเราอย่างยิ่ง คุณไม่มีทางรู้เลยว่าคนที่ดูเป็นคนปกติหรือเงียบๆ น่ะอาจคิดอะไรกับเราอยู่ก็ได้ และอาจทำเรื่องไม่คาดฝันกับเราได้ทุกเมื่อ คือดูนี่ต้องใช้สติและวิจารณญาณพอตัว ไม่เช่นนั้นเราอาจขวัญอ่อนกับเรื่องทำนองนี้ไปเลยก็ได้

และที่สำคัญคือหนังไม่ละเลยที่จะบอกกล่าวให้ผู้ชมได้เข้าใจว่าอะไรทำให้ซีมัวร์มีลักษณะท่าทางอาการเก็บกดเช่นนี้ แล้วยังหลงใหลในความสุขจากการชื่นชมภาพถ่ายอีกด้วย ซึ่งดูแล้วก็ยิ่งตอกย้ำสอนพ่อแม่ทุกคนให้ดูแลลูกด้วยใจกรุณา และโปรดเข้าใจว่าพฤติกรรมทั้งหลายที่พ่อแม่ทำกับลูกนั้น มันส่งผลกับอุปนิสัยใจคอของลูกเสมอ จะมากน้อยก็ต้องแล้วแต่กรณีกันไป แต่ไหนๆ เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ก็อย่าละเลยที่จะดูแลลูกให้เติบใหญ่เป็นคนที่ดี มีคุณภาพ และรู้จักผิดชอบชั่วดีอย่างเหมาะสมด้วย

เป็นอีกหนึ่งผลงานดีๆ ที่ดูแล้วรู้สึกกดดัน รู้สึกว่าหนังทั้งเรื่องอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ชวนผวา โดยที่ไม่ต้องมีเลือดมาเลอะให้มากความก็สยองได้ ระทึกได้ถึงใจ