7 Views
Rainbow (2022) สายรุ้ง
4.5 IMDB Rating

Rainbow (2022) สายรุ้ง

(Rainbow)
หมวดหมู่
ผู้กำกับ
นักเขียน Javier Gullón, Paco León
นักแสดง , ,
รางวัล 1 win & 3 nominations
Rainbow (2022) สายรุ้ง เรื่องราวของ “ดอร่า” เป็นวัยรุ่นที่มีความสามารถพิเศษด้านดนตรีและพลังที่ไร้ขอบเขตที่ยากจะควบคุม หลังจากการทะเลาะวิวาทครั้งใหญ่กับพ่อของเธอในวันเกิดของเธอ ดอร่าก็ออกจากบ้านพร้อมกับสุนัขของเธอ Totó และออกเดินทางเพื่อตามหาแม่ที่เธอไม่เคยพบมาก่อน โดยได้หายตัวไปตั้งแต่ยังเป็นทารก ระหว่างทางเธอได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวง แต่เธอยังต้องรับมือกับศัตรูที่อันตรายซึ่งจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้เธอค้นพบความลึกลับในอดีตของเธอ แต่พลังและเวทย์มนตร์ของ Dora จะช่วยให้เธอไปถึงไม่เพียงแค่จุดสิ้นสุดของการเดินทางเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของอีกเส้นทางหนึ่งด้วย ภาพยนตร์ Netflix ของสเปน Rainbow ได้รับการขนานนามว่าเป็นภาพยนตร์คลาสสิกของ L. Frank Braum ที่มีความทันสมัย ​​พ่อมดมหัศจรรย์แห่งออซ เมื่อมองผ่านเลนส์ LGBTQ+ ร่วมสมัย เรื่องราวจะติดตาม Dora (แสดงโดย Dora Postigo) และ Toto เทอร์เรียแครนเทอร์เรียของเขา ดอร่าเลี้ยงดูโดยพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ดิเอโก (โฮวิค คีชเคเรียน) พ่อของเธอ ซึ่งสั่งเค้กสำหรับวันเกิดของเธอ อย่างที่ดอร่าเคยได้ยินเสียงกระซิบไปทั่วเมืองมาโดยตลอด รวมถึงวันนี้ในขณะที่หยิบเค้กช็อกโกแลตที่เสื่อมโทรมนี้ “เธอดูเหมือนแม่ของเธอ แต่ไม่ใช่พ่อของเธอ” พวกเขากระซิบ และเมื่อดอร่าถามพ่อของเธอเกี่ยวกับความทรงจำที่เธอมีในวัยเด็ก ความจริงก็ปรากฎ Dora ทนไม่ไหวแล้วจึงออกไปตามหา Piral แม่ของเธอ
Dora ของเราจากไป พบกับตัวละครใหม่และน่าสนใจ แม้ว่าจะไม่มีสัมผัส เหตุผล หรือแม้แต่สามัญสำนึก ให้ใส่ใจกับสาเหตุหรือวิธีที่เธอเข้าสู่ฉากต่างๆ ดอร่าพบกับแม่มดสามคน คนหนึ่งกลายเป็นคุณยายของเขา มาริเบล (คาร์เมน มาชิ) ซึ่งมีพิรัล และดอร่าอยากรู้ว่าจะหาเธอได้ที่ไหน โคโค่อยู่ที่นั่น คนรักของมาริเบลและแต่งงานกับชายที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง เขาอยู่ในอาการโคม่า Coco ต้องการให้ Maribel ถอดปลั๊กเพราะเห็นได้ชัดว่ามันคือความรัก แน่นอน เธอปฏิเสธ

ไม่เป็นไรเพราะผู้ชายคนนั้นตายไปซึ่งทำให้ทุกคนตื่นเต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อโคโค่ชักปืนใส่มาริเบล ด้วยเหตุผลที่ไม่ชัดเจน ดอร่าจึงพยายามจะหยุดเธอ อย่างไรก็ตาม Coco รั่วไหลความร้อนและเป่าหัวสามีที่เสียชีวิตของเธอเป็นรู มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากเพราะไม่มีใครได้รับแจ้งการเสียชีวิตของชายผู้นี้เมื่อไม่กี่นาทีก่อน สำหรับคนนอก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีฆาตกรอยู่ในมือ ดังนั้นโคโค่จึงชี้นิ้วไปที่ดอร่า และตอนนี้เธอกำลังหนี

เมื่อเห็นตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Rainbow ของ Netflix ก็ทำให้ผู้เขียนเกิดความสนใจที่จะเข้าไปดู เนื่องจากสีสันและองค์ประกอบสุดแปลกพิศดารมันทำให้น่าค้นหายิ่งนัก ภาพยนตร์ Netflix ที่เพิ่งออกใหม่นี้เป็นเรื่องราวสมัยใหม่เกี่ยวกับการเดินทางแบบฉบับ “คัมมิงออฟเอจ (Coming of age)” ของวัยรุ่นสาวคนหนึ่งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายคลาสสิกเรื่อง ‘The Wonderful Wizard of Oz’ หรือ ‘พ่อมดมหัศจรรย์แห่งเมืองออซ’ เป็นนวนิยายอเมริกันสำหรับเด็กที่ตีพิมพ์ขึ้นในปี 1900 ประพันธ์โดย L. Frank Baum ที่ซึ่งต่อมาก็เปลี่ยนชื่อเป็น ‘พ่อมดแห่งออซ (The Wizard of Oz)’ และก็ใช้เป็นชื่อภาพยนตร์ดัดแปลงในปี 1939 อีกด้วย
พล็อตเรื่องของ Rainbow จะติดตามตัวละครสาววัยรุ่น Dora ที่มีความพยายามในการตามหาแม่ที่ทิ้งไปตั้งแต่เด็กของเธอ ทำให้สาววัยรุ่นรักอิสระต้องเดินทางไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนสุดแปลกที่เธอเจอบนเส้นทางสุดหฤหรรษ์ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามหลีกให้พ้นเงื้อมมือของผู้หญิงไฮโซสุดใจร้าย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ภาษาสเปน กำกับและร่วมเขียนบทโดย Paco León ที่ถือเป็นการรื้อสร้างตำนานหนังสือสำหรับเด็กให้อยู่ในโลกร่วมสมัย ด้วยเรื่องราวที่เดินเป็นเส้นตรงสุดแสนธรรมดา แต่องค์ประกอบทางเทคนิคและเอฟเฟกต์สุดล้ำที่ออกไปในทางเพี้ยนๆ ก็ทำให้หนังมีความพิเศษที่น่าสนใจขึ้นมาได้

ด้วยสถานการณ์สมมติของฮาเวียร์ กุลลอน นักเขียนผู้เป็นศัตรู สารภาพว่าฉันตื่นเต้นกับโอกาสของ Rainbow มีฉากที่วางหลายสิบฉากที่ไม่สมเหตุสมผล และการเปลี่ยนภาพทำให้คุณคิดว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติกับการตัดต่อที่ไม่ดี ตัวอย่างเช่น เมื่อดอร่าออกไปตามหาแม่ของเธอ ก็ไม่มีคำอธิบายว่าทำไมเธอถึงไปอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยแม่มด เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ของเขาอาศัยอยู่ที่นั่น อันที่จริง ดิเอโกถึงกับบอกดอร่าว่าเขาไม่รู้ว่าจะหาเธอเจอได้อย่างไร

โครงเรื่องก็สลับกันไปโดยมุ่งสร้างซีเควนซ์ที่อาจเป็นเรื่องจริงหรือเหมือนฝัน คล้ายกับพ่อมดแห่งออซ แต่ทำไม่ได้ บรรลุเป้าหมายที่มีโครงสร้างเรียบง่ายนี้ สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ผู้ชมสามารถทิ้งเรื่องราวไว้เป็นการตีความของตนเองได้ การแสดงความเคารพต่อแหล่งข้อมูลปรากฏชัดเมื่อ Dora พบกับ Muneco (Ayax Pedrosa) ผู้ที่ติดยาบ้าๆ บอๆ ที่แสดงหุ่นไล่กา

จากนั้นก็มี Jose (Luis Bermejo) ) ชายผู้สิ้นหวัง สวมสูทสีเทา และเดินทางด้วยรถสีเงินที่กำลังฆ่าตัวตาย ในที่สุดก็มี Akin นักร้องเกย์ที่ครอบครัวของเขาปฏิเสธเพราะว่าเขารักร่วมเพศ อย่างไรก็ตาม เขาแทบจะไม่ขี้ขลาดเลย และความแข็งแกร่งของเขาก็เหมือนกับสิงโต ทุกอย่างทำงานหรือไม่? เล็กน้อย แต่ธีมเหล่านี้ของชุมชน LGBTQ+ หรือสุขภาพจิตนั้นก้องกังวานหรือคุ้มค่า
ฉันแน่ใจว่าผู้กำกับ paco leon มีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ที่จะเปลี่ยนเรื่องราวให้กลายเป็นสังคมยุคใหม่ ให้กลายเป็นเรื่องราวที่กำลังมาแรงอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินต่อไป การเล่าเรื่องกลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่เข้าใจผิดและซับซ้อนที่สุดในความทรงจำล่าสุด Rainbow บวกกับฉากอันน่าทึ่งของ Michael Jackson ที่ขี่เครื่องบินขนาดเท่า Falkor ในเรื่อง The never-ending story ภาพยนตร์ของLeónสร้างความผิดหวังอย่างมาก

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องสีสันอันสดใสและความแปลกประหลาดของทั้งตัวละครและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าก็จะมีดีเพียงแค่เรื่องนี้เท่านั้น เพราะในส่วนอื่นๆ ยังนับว่าไม่สามารถเอาชนะหัวใจของผู้ชมได้ บทของเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนหรือลึกลับมากมาย แต่ก็อาจจะมีบางฉากบางตอนที่ทำให้เรารู้สึกงงและไม่เข้าใจได้ เรื่องราวปูแบบง่ายๆ ว่าดอร่าต้องออกตามหาแม่ของเธอที่หายไป จากนั้นเธอก็เริ่มออกเดินทางและต้องเจอกับเพื่อนร่วมทางสุดแปลกประหลาดหลายคน ซึ่งแม้ว่าบทจะไม่ได้มีความน่าสนใจเท่าไหร่ แต่การปูเรื่องก็ยังนับว่าทำได้ดีพอสมควร ที่ดีก็เพราะหนังจะนำเสนออะไรแปลกๆ ที่เราไม่ค่อยได้เห็น และความแปลกนี้เนี่ยแหละที่จะดึงเราไว้ให้ดูจนจบ ก็นับว่าเป็นความแปลกที่มีข้อดี นอกจากนี้หนังยังมีความเป็น Road Movie อยู่หน่อยๆ ด้วย

Dora (รับบทโดย Dora Postigo) วัยรุ่นสาวที่มีสีผมที่ฉูดฉาดเป็นดั่งตัวแทนของธีมสีสันสดใสของเรื่อง เมื่อเธอได้ก้าวออกจากบ้านที่ดูสีหม่นๆ ของเธอ การเดินทางไปตามเส้นทางของเธอจึงเต็มไปด้วยแบ็กกราวด์ที่เป็นภาพแห่งจินตนาการอันน่าอัศจรรย์อยู่เต็มตลอดทาง โดยนำเอาความสมจริงที่เกี่ยวกับเวทมนตร์มาผสมผสานกับความร่วมสมัยได้อย่างลงตัว อย่างเช่น ตอน Dora กับกลุ่มแก็งเพื่อนๆ ของเขาได้เมาน้ำยาฉีดหน้ารถด้วยกัน ในทันทีใดนั้นความเซอร์เรียลก็เกิดขึ้นราวกับสวนสนุกพิศวง จนไปถึงขั้นพวกเขาได้เจอกับราชาเพลงป็อปอย่าง Michael Jackson ที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในมหาสมุทรแห่งอวกาศ
โมเมนต์ทางดนตรีทำออกมาได้ดีบนหน้าจอ และน่าจะเป็นองค์ประกอบเดียวที่ยกระดับให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ เด็กที่มีพรสวรรค์ทางดนตรีอย่าง Dora ทำให้เราจึงได้เห็นองค์ประกอบทางดนตรีมากมายในภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้ว่าผู้สร้างจะอ้างว่าไม่ใช่ภาพยนตร์มิวสิคัล แต่เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความจริงได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอเพลงที่ให้ความบันเทิงได้เป็นอย่างดีให้แก่เรา ซึ่งมันทำให้เรื่องราวที่แสนธรรมดาและอาจจะดูน่าเบื่อให้มีชีวิตชีวาและดึงความสนใจจากเราได้เป็นอย่างมาก ส่วนตัวผู้เขียนชอบซีเควนซ์ที่เกี่ยวกับดนตรีเทคโนฯ อิเล็กโทรนิกในเรื่องนี้ อย่างฉากในร้านข้างทางของชนบทที่มีแต่คนผิวสี ดนตรีที่นี่มีความเป็นเอกลักษณ์และลึกลับมาก หรือในฉากตอนท้ายเรื่องที่ทุกคนเต้นราวกับซอมบี้ถึงแม้จะอยู่ในชุดหรูหราราตรีก็ตาม

ความแปลกประหลาดของเรื่องนี้มีมากมายไปหมด ทั้งตัวละครต่างๆ ในเรื่องที่มีลักษณะนิสัยผิดแปลกจากมนุษย์ทั่วไป คนหนึ่งเป็นชายที่น่าจะป่วยเป็นโรคอะไรซักอย่างทำให้เขาชอบพูดจาแปลกประหลาด อีกคนก็เป็นคนแก่ที่เบื่อชีวิตและกำลังจะปิดชีวิตตัวเอง ส่วนอีกคนก็เป็นคนผิวดำที่เป็นเกย์และไม่ได้รับการยอมรับจากพี่ชาย ส่วนนางเอกก็เป็นเด็กสาวที่ไม่มีแม่และกำลังตกเป็นผู้ต้องหาฆาตกรรม จากนั้นพอทุกคนที่เป็นเหมือนคนที่ถูกกีดกันจากสังคมได้มารวมตัวกัน จึงก่อเกิดกลายเป็นมิตรภาพที่แน่นแฟ้น ซึ่งนับว่าเป็นมิตรภาพที่แปลกแต่ก็เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าแม้ว่าคนบางคนจะแปลกประหลาดซักแค่ไหน แต่มนุษย์ก็ยังคงเป็นสัตว์สังคมและต้องการใครซักคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายฉากที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าคืออะไร อย่างเช่นในตอนจบที่ดูเหมือนว่านางเอกจะมีเวทย์มนต์ สิ่งเหล่านี้ทำเอาสับสนไปหมด แต่ส่วนตัวมองว่าเราไม่จำเป็นต้องเข้าใจมันก็ได้ เพียงแค่ดูและเพลิดเพลินไปกับมัน แต่ก็เพราะความไม่เข้าใจนี้นี่แหละที่ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่สามารถเอาชนะใจคนดูได้
อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถเปรียบเทียบเนื้อหาได้กับพ่อมดแห่งออซ แต่ก็ไม่สามารถให้อยู่ในระดับเดียวกันได้ เนื่องจากยังขาดองค์ประกอบที่น่าอัศจรรย์และสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ สิ่งที่จะสามารถเข้าไปแตะหัวใจของผู้ชมได้ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ ความไม่สมบูรณ์แบบของตัวละครทั้งหมดในเรื่องถือเป็นองค์ประกอบที่ดีในการเป็นตำนานภาพยนตร์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พิเศษในแง่ของเนื้อเรื่องและในตัวของมันเอง

ส่วนในด้านการแสดงนั้นค่อนข้างอธิบายได้ยาก เพราะเรื่องนี้เป็นหนังแนวอินดี้ การแสดงของบางตัวละครมันจึงอาจจะดูแปลกๆ และดูเวอร์วังเกินเบอร์ไปบ้าง แต่ส่วนตัวมองว่ามันเป็นความตั้งใจของผู้กำกับ ที่ต้องการให้มันออกมาเป็นแบบนี้ เพื่อให้มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน แต่รวมทุกคนก็แสดงได้พอใช้ไม่ได้ย่ำแย่อะไรมากนัก สุดท้ายคือด้านการโปรดักชั่นที่นับว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนัง ทั้งสีสันฉูดฉาดที่หนังเลือกใช้ก็นับเป็นส่วนที่โดดเด่น และน่าจดจำ รวมถึงเสื้อผ้าหน้าผมของตัวละครแต่ละตัวก็ทำออกมาได้ดี โลเคชั่นต่างๆ ในเรื่อง ทุกอย่างทำออกมาได้ดีและอยู่ในโทนเดียวกัน รวมถึงเพลงประกอบที่ใช้ในเรื่องก็เพราะหลายเพลงด้วยเช่นกัน สรุปโดยรวมคือเป็นหนังแปลกๆ เรื่องหนึ่งที่มีเนื้อเรื่องพอดูได้ แต่หากใครชอบหนังอินดี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็น่าจะหลงรักหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เพราะแม้ว่าเรื่องราวอาจไม่น่าจดจำ แต่งานศิลป์และการออกแบบในเรื่องนับว่าเป็นส่วนที่ทำให้หนังมีเสน่ห์และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ประเทศ : Spain
ผู้กำกับ : Paco León
นักแสดง : Dora Postigo , Carmen Maura , Carmen Machi
ผู้เขียนบท : Javier Gullón , Paco León
เวลา : 1h 57m